การละเล่นที่เกี่ยวกับมะพร้าว


เดินกะลา

ภาพที่ 31 เดินกะลา
                                                                                                              (ที่มา : http://www.nextsteptv.com/budsaba/เดินกะลา/)

              การเล่นเดินกะลา เด็กรุ่นก่อนจะชอบเล่นเดินกะลา เพราะกะลาหาง่ายมีอยู่ทั่วไป การเดินบนกะลานั้น ผู้ที่เริ่มฝึกจะรู้สึกเจ็บฝ่าเท้า เพราะความโค้งมนและความแข็งของกะลา แต่ถ้าได้ฝึกบ่อยๆ อาการเจ็บก็จะหายไป ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเท้าแข็งแรงขึ้นและยังเป็นการนวดฝ่าเท้าไปในตัวด้วย นอกจากนี้ผู้เล่นจะฝึกในเรื่องของการทรงตัว ซึ่งจะทำให้เรียนรู้เรื่องของความสมดุล หรือ Balance ไปในตัวอีกด้วย คนที่รักษาสมดุลของร่างกายได้ดีจะทรงตัวได้และมักจะถึงเส้นชัยก่อน นอกจากนี้ถ้าเล่นเดินจนเบื่อแล้วก็ยังสามารถเอามาเล่นเป็นโทรศัพท์พูดแล้วได้ยินเสียงกันได้เรียนรู้เรื่องของเสียงได้อีกด้วย

อุปกรณ์การเล่น
       กะลามะพร้าวคนละ 2 อัน
       เชือกยาวประมาณ 1 เมตร

วิธีทำ
       นำกะลาที่ล้างสะอาดเจาะรูตรงกลางสำหรับร้อยเชือกแล้วร้อยเชือกผูกปมให้แน่นหนากันหลุดเวลาเดิน

กติกาการเล่น 
        ในการแข่งขันผู้ใดเดิน กะลาได้เร็วและไม่ล้มจะเป็นผู้ชนะ หากเป็นการเล่นคนเดียวเด็กจะใช้
จินตนาการในการเล่นของตน เช่น สมมุติว่าเป็นการขี่ม้าหรือเดินรองเท้าส้นสูง เป็นต้น

วิธีการเล่น
        ให้ขีดเส้นชัยโดยห่างจากเส้นเริ่มต้น 3 เมตรหรือ 5 เมตรหรือตามแต่จะตกลงกัน ผู้เล่นจะต้องขึ้นไปยืนบนกะลาที่คว่ำลงทั้งสองซีก ใช้นิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้คีบหนีบเชือกไว้ มือจับเชือกดึงให้ถนัด เริ่มเล่นโดยการให้ทุกคนเดินจากเส้นเริ่มต้นแข่งขันกัน ใครที่ถึงเส้นชัยก่อนก็ชนะหรือถ้าไม่เล่นแบบแข่งขันกัน ก็ใช้เล่นเดินในสวนหรือที่สนามก็ใช้ออกกำลังกายได้

ประโยชน์จากการเล่น
        เพื่อความสนุกเพลิดเพลิน, เสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ และเป็นการฝึกการทรงตัวอีกด้วย การเดินกะลาไม่จำกัดจำนวนฝึกการทรงตัว พัฒนาความแข็งแรงของร่างกายและสนุกสนานเพลิดเพลิน


ตีนเลียน

ภาพที่ 32 การละเล่นตีนเลียน
                                                                                                       (ที่มา : http://guideubon.com/news/view.php?t=99&s_id=32&d_id=32)


จังหวัด ศรีษะเกษ
 
สถานที่เล่น สนาม,ลานกว้าง 

อุปกรณ์ ตีนเลียนทำจากไม้กระดานรูปวงกลมซึ่งมีรัศมีประมาณ 8-12 นิ้ว โดยจะเจาะรูตรงกลาง แล้วใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 เมตรผ่าครึ่งยาว 12 นิ้ว เพื่อเชื่อมกับรูกระดานด้วยการตอกตะปู หรือไม้แข็งเป็นเพลา อาจจะสลักขัดไว้ให้แน่นเพื่อไม่ให้หลุดออกมาก็ได้ 

วิธีเล่น ผู้เล่นจะยืนเรียงกันโดยใช้ไม้ไผ่ด้านปลายวางที่บ่า เมื่อได้ยินสัญญาณบอกให้เริ่มวิ่ง ผู้เล่นจะต้องดันตีนเลียนให้วิ่งออกไป เพื่อให้ถึงเส้นชัยก่อนเป็นคนแรก โดยจะกำหนดระยะทางไว้ที่ 50-100 เมตร
โอกาส ปกติจะนิยมเล่นตีนเลียนในช่วงสงกรานต์หรือประเพณีอื่นๆ เพื่อเป็นการสร้างความสนุกสนาน


ฟ้อนกะโป๋

                                                                                                                                           ภาพที่ 33 ฟ้อนกะโป๋
                                                                                           (ที่มา : https://coconut53.wordpress.com/กาลละเล่นเกี่ยวกับมะพร/ฟ้อนกะโป๋/)

          กะโป๋ คือกะลามะพร้าว ชาวอีสานรู้จักการใช้ประโยชน์จากกะลามะพร้าวมาเป็นวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระบวยตักน้ำและสามารถทำเป็นเครื่องดนตรี เช่น พิณกระแสเดียว และซอของชาวอีสานใต้ เป็นต้น
         ฟ้อนกะโป๋ เป็นการแสดงที่ได้ดัดแปลงมาจากการละเล่นของชาวอีสานใต้ ซึ่งได้แก่ในบริเวณจังหวัด สุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ เป็นการแสดงที่มีความสนุกสนานรื่นเริง โดยใช้กะลาที่ขัดผิวจนมัน เป็นอุปกรณ์หลักในการประกอบจังหวะและที่น่าสังเกตคือ ประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และมาเลเซีย ก็มีการละเล่นเกี่ยวกับการเคาะกะลาเช่นเดียวกัน
         ฟ้อนกะโป๋ในแบบฉบับวิทยาลัยนาฏศิลปะร้อยเอ็ด ได้นำการแสดงชุดระบำกะลาของชาวอีสานใต้มาดัดแปลงให้เป็นรูปแบบนิยมของอีสาน เนื่องจากระบำกะลามีจังหวะและท่วงทำนองท่าช้าเนิบนาบ จึงได้แต่งดนตรีขึ้นใหม่ให้มีจังหวะที่สนุกสนานยิ่งขึ้น โดยนำเอาแต่งลายดนตรีมาผสมกับลายเพลงพื้นเมืองอีสานใต้ ได้แก่ ทำนองเจรียงซันตรู๊จน์จนได้ทำนองเพลงที่เป็นลักษณะเฉพาะในการแสดงชุด “ฟ้อนกะโป๋”

การแต่งกาย

      – หญิง สวมเสื้อแขนกระบอก ใช้สไบขิดเฉียงไหล่ซ้ายแล้วไปมัดที่เอวด้านขวา นุ่งโจงกระเบน มีผ้าผืนยาวมัดเอว ผมเกล้ามวยประดับดอกไม้สวมเครื่องประดับเงินประเกือม
      – ชาย สวมเสื้อผ้าแพรแขนสั้น นุ่งโจงกระเบน ใช้ผ้าสไบขิดพาดไหล่มีผ้าผืนยาวมัดเอว สวมสร้อยคอและกำไลเงิน (coconut53, ม.ป.ป.)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประวัติความเป็นมาของมะพร้าว

พันธุ์มะพร้าว